เมนูของกาแฟมีมากมายหลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็น Espresso Cappuccino Late แต่ทุกคนเคยรู้หรือไม่ว่าเมนูกาแฟเหล่านี้ใส่อะไรไปบ้างและมีความแตกต่างกันอย่างไร ?
1. Espresso (เอสเพรสโซ่)
คำว่า Espresso มาจากคำภาษาอิตาลี "espresso" แปลว่า
เร่งด่วน จุดเริ่มต้นของเมนูกาแฟทุกอย่างล้วนมาจาก Espresso shot
Espresso shot คือ กาแฟที่ได้จากการสกัดกาแฟจากเครื่องชงกาแฟ 1
shot มีปริมาตรเท่ากับ 30 mL หรือ 1 oz เมนู Espresso ในร้านส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Espresso ร้อน และ Espresso
เย็น
ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีเมนู Espresso เย็นในต่างประเทศ
(อย่าไปสั่งกันหละไม่งั้นจะได้กาแฟ Espresso + น้ำแข็ง)
ส่วนเมนู Espresso เย็นในบ้านเราคือการนำ Espresso 1-2 shot
(แล้วแต่สูตรทางร้าน)
ผสมกับนมข้นหวานและนมข้นจืด อาจใส่นมสดแทนในบางร้าน
2. Americano (อเมริกาโน่)
เมนูยอดฮิต อีกเมนูหนึ่ง หรือเรียกง่ายๆ คือกาแฟดำนั่นแหละ
ส่วนประกอบของ Americano ร้อนคือ การนำ Espresso 1 shot
ใส่น้ำร้อน
(ปริมาณน้ำขึ้นอยู่กับสูตรของทางร้านและเมล็ดกาแฟของร้านร้านนั้นๆ) ส่วนเมนู Americano เย็น
ในไทยแบ่งเป็น 2 แบบ
1. Americano เย็นปกติ คนส่วนมาจะสั่ง Americano เย็น
ไม่หวาน/ไม่เอาน้ำตาล/ไม่ใส่น้ำเชื่อม ก็จะได้กาแฟ Espresso 1-2
shot +น้ำเปล่าให้เต็มแก้วเพื่อให้กาแฟเจือจางลง ไม่เข้มเท่า Espresso
shot
2. Americano หวานปกติ คล้ายๆกับการสั่ง Americano เย็นทั่วไปแต่ใส่น้ำเชื่อม
ไม่เกิน 30 mL ถึง 1 oz ไม่งั้นจะได้รสชาติหวานแหลม
3. Latte (ลาเต้)
Latte แปลว่านม
ปกติชื่อเต็มของเมนูกาแฟในภาษาอิตาลีคือ caffè latte หรือแปลว่า
กาแฟนมนั่นแหละ ส่วนประกอบของ Latte คือกาแฟบวกนม ซึ่งสัดส่วนปกติจะอยู่ที่
กาแฟ Espresso shot 1 ส่วน และนม 2 ส่วน โดยมีฟองนมหรือโฟมนมอยู่ข้างบนผิวประมาณ
1 cm (ฟองนมไม่เยอะมาก)
ส่วน เมนู Ice latte ก็จะประกอบด้วย
Espresso shot + นม ซึ่งสามารถแตกออกเป็นเมนูย่อยได้
จากการใส่ไซรัปหรือน้ำเชื่อมกลิ่นต่างๆ เช่น caramel latte , halzenut
latte, vanilla latte เป็นต้น
นอกจากนี้การทำลาเต้ร้อนสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้กลายเป็นเลต้อาร์ท
(Latte art) หรือการใช้นมในการวาดลวดลายลงบนกาแฟให้เป็นรูปต่างๆไม่ว่าจะเป็น
หัวใจ ดอกไม้ หรือแม้กระทั่งสัตว์ต่างๆ
4. Cappuccino (คาปูชิโน)
เมนูPopularในหมู่ลูกค้ากาแฟเย็น
ซึ่งเมนูกาแฟคาปูชิโน่สามารถพูดง่ายๆได้ว่า มันคือกาแฟผสมฟองนมหรือโฟมนม
บางคนอาจจะสงสัยว่าต่างจากเมนูลาเต้อย่างไร
สำหรับเมนูร้อนให้ใช้ช้อนตวัดตรงฟองนมจะเห็นความหนาของชั้นฟองนมมากระดับนึง
นั่นแหละคือ เมนูคาปูชิโน่ร้อน สัดส่วนของเมนูคาปูชิโน่ร้อน ส่วนใหญ่จะประกอบด้วย Espresso
shot 1 ส่วน ผสมกับ โฟมนม 2 ส่วน ส่วนวิธีดูกาแฟคาปูชิโน่เย็นให้ดูจากฟองนมที่โปะอยู่ข้างบน
ถ้ามีฟองนั่นแหละคาปูชิโน่เย็น
จริงๆแล้ว เอกลักษณ์ของคาปูชิโน่ไม่ได้มีที่ฟองนม แต่เป็น การโรยผง Cinnamon
ในประเทศไทยยังมีลูกค้าบางส่วนที่ไม่ชอบ
จึงใช้ผงโกโก้โรยแทน
5. Mocha (มอคค่า)
อีกหนึ่งเมนูสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทานกาแฟ มันคือ Espresso shot
+ โกโก้นั่นเอง
ทำให้ได้รสชาติกาแฟผสมโกโก้ ได้รสชาติที่เข้มข้นของกาแฟและได้กลิ่นของโกโก้อีกด้วย
มอคค่าร้อนในบางร้านอาจจะเสริมฟองนมไว้บนผิวกาแฟเพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน
ส่วน
มอคค่าเย็น จะมีการเพิ่มในส่วนของ
นมข้นหวานหรือไซรัปเพิ่มความหวานเข้าไปให้น่ารับประทานมากขึ้นอีกด้วย
6. Macchiato (มัคคิอาโต้)
วิธีเข้าใจง่ายๆ
คือการทำกาแฟลาเต้ แบบแยกชั้นระหว่างนมกับกาแฟ Espresso shot โดยนม
วิธีการทำคือจะใส่นมธรรมดาหรือผสมด้วยไซรัปต่างๆไปก่อน ตามด้วยการค่อยๆเท Espresso
shot ลงบนนม จะทำให้เกิดการแยกชั้นเพราะ น้ำกาแฟมีความหนาแน่นน้อยกว่านม
เมนูนี้เกิดมาเพื่อสร้างความสนุกและสีสันให้กับวงการกาแฟมากขึ้นเมื่อคนให้เข้ากันก็จะได้รสชาติเหมือนลาเต้
สามารถใส่ไซรัปได้เหมือนเมนูลาเต้ ทำให้แยกเป็นเมนูย่อยๆ เช่น caramel
macchiato
7. Frappe (เฟร้บเป้)
หากเมนูใดมีคำว่า Frappe ให้รู้ไว้ได้เลยว่า เป็นการปั่น
และมีการใส่วิปครีมแน่นอน เช่น chocolate frappe
8. Affogato (อัฟโฟกาโต)
ในภาษาอิตาลี
แปลว่า "จม" หรือ "ถูกทำให้จม" เป็นเมนู ไอศกรีมวนิลา ราดด้วย
Espresso shot เหมาะผู้เริ่มต้นทานกาแฟ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น